Page 37 - CAT Magazine
P. 37
DIGITAL DELIGHT 37
01 Full size-SIM (1FF)
SIM Card ที่มีขนาดใหญ่มาก เทียบได้กับ
ขนาดของบัตรประชาชนเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่า
ตัวเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะนั้นมีขนาดใหญ่
เช่นเดียวกัน
02 Mini-SIM / Standard-SIM (2FF)
SIM Card ที่มีขนาดเล็กลงมา เนื่องจากโทรศัพท์
เคลื่อนที่ก็มีขนาดเล็กลงด้วย เช่น โทรศัพท์ Feature
Phone เป็นต้น หากเทียบกับยุคของโทรศัพท์เคลื่อนที่
จะมีการใช้งาน SIM Card ขนาด Mini-SIM มากใน
ยุค 2G นั่นเอง
03 Micro-SIM (3FF)
SIM Card ที่มีขนาดเล็กกว่าแบบ Mini-SIM
โดยน�าไปใช้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับการใช้งาน
แบบหลากหลาย เช่น โทรศัพท์ Smart Phone เป็นต้น
หากเทียบกับยุคของโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะมีการใช้งาน
SIM Card ขนาด Micro-SIM มากในยุค 3G นั่นเอง
04 Nano-SIM (4FF)
SIM Card ที่มีขนาดเล็กและบางกว่าแบบ
Micro-SIM โดยน�าไปใช้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ต้องการ
เรื่องความบางของเครื่อง และลดพื้นที่ให้เล็กที่สุด เพื่อให้
สามารถน�าพื้นที่ของเครื่องที่เหลือ ไปใช้ประโยชน์ให้ได้
มากที่สุด หากเทียบกับยุคของโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะมีการใช้งาน SIM ตัวอย่างการน�าไปใช้งาน
Card ขนาด Nano-SIM มากในยุค 4G นั่นเอง บนเครื่อง Apple Watch Series 3 นั้น มาพร้อมกับ e-SIM
ซึ่งสามารถติดต่อหรือรับ-ส่งข้อมูล ระหว่าง iPhone และ Apple
และแล้วก็มาถึงพระเอกในเรื่องนี้ ที่จะได้ใช้งานกันในปัจจุบันและ Watch Series 3 ได้ โดยจะสามารถโทรออก-รับสาย ใช้งาน GPS
จะรองรับกับอุปกรณ์ที่หลากหลายในอนาคต นั่นก็คือ หรือแม้กระทั่งใช้แอปพลิเคชันอย่าง LINE ได้
บนรถรุ่นใหม่ในสหภาพยุโรป จะสามารถเชื่อมต่อไปยังบริการ
05 Embedded-SIM (e-SIM) (MFF2) ฉุกเฉิน ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุได้
น�าไปใช้งานกับอุปกรณ์แทบทุกชนิด เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อและ
SIM Card แบบฝังตัว โดยมีขนาดเล็กกว่า Nano-SIM
ซึ่งจะฝังลงบนแผงวงจรตั้งแต่โรงงานผลิตอุปกรณ์เลย ไม่สามารถ เข้าถึงกันได้ในรูปแบบ IoT เช่น การเชื่อมโยงระหว่าง Laptop, Tablet,
แกะออกได้ มีความแข็งแรงทนทานและทนต่อสภาพแวดล้อมที่ Smart-Home, Automotive, Phone, Wearable, Medical และ
ร้อนมาก หนาวเย็น ความชื้นและการสั่นสะเทือนได้ โดยหนึ่งในความ Future Devices เป็นต้น
สามารถของ e-SIM นี้ ก็คือ M2M หรือ Machine to Machine
ที่จะใช้รองรับการสื่อสารในรูปแบบ IoT (Internet of Things) รู้ไว้ใช่ว่า!!
โดยอุปกรณ์ต่างๆ ถูกเชื่อมโยงเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ต นั่นเอง หากใครเคยได้ยินค�าว่า “Combi SIM” นั้น จะหมายถึงการเรียก
SIM Card ที่เป็นแบบ Mini-SIM + Micro-SIM โดยเราสามารถ
เลือกแบบไหนก็ได้ โดยการแกะ SIM Card ออกตามรอยปรุ ซึ่งท�ามา
จากโรงงานผู้ผลิตเลย
หากใครได้ยินค�าว่า “Trio SIM” นั้น เป็นการเรียกชื่อ SIM Card
ที่เป็นแบบ Mini-SIM + Micro-SIM + Nano-SIM ซึ่งมี SIM Card
ทั้ง 3 ขนาด อยู่บนแผ่น SIM ชิ้นเดียวกัน โดยการแกะใช้งานตามรอย
ปรุของขนาด SIM นั้นๆ ซึ่งแบบนี้จะเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากสามารถ
รองรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้หลากหลายรุ่น เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน
ของลูกค้า และผู้ให้บริการเองก็สามารถบริหารจัดการ SIM Card
ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นด้วย
July-September 2018 / CAT MAGAZINE